ประวัติความเป็นมา
บ้านข่อย เป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุดในตำบลหนองหิน เดิมบ้านข่อยเรียกกันว่า เมืองคอย ในสมัยนั้นโดยสันนิฐานว่าตั้งชื่อตามลักษณะที่นายพรานนั่งคอยยิงไก่แก้วแต่เมื่อไก่ถูกยิง ยังไม่ตายได้รับบาทเจ็บหนีไปทางทิศตะวันออก และร่องรอยที่ไก่เดินไป จึงเกิดเป็นร่องน้ำธรรมชาติในปัจจุบันที่เรียกว่า ลำห้วยไส้ไก่ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านข่อยปัจจุบันทางทิศเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร เมืองคอยในสมัยนั้นเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมาก ซึ่งอยู่ในความปกครองของขอมที่กำลังเรืองอำนาจ ภายหลังเกิดความแห้งแล้งข้าวปลาก็หายากเพราะฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล ประชาชนเกิดความหิวโหยจึงมีการลักขโมยขึ้น มีการจี้ปล้น ฆ่าฟันกันไม่เว้นแต่ละวันเป็นสาเหตุให้เจ้าเมืองอื่นๆมีความกระด้างกระเดื่อง และเมืองที่เข้มแข้งกว่าก็ฉวยโอกาสเข้าทำสงคราม สมัยนั้นเรียกว่า เสิกฮ่อ หรือ ศึกฮ่อ ซึ่งหมายถึง การทำสงครามแบบกะทันหัน (คำว่าฮ่อ ตามภาษาอีสาน แปลว่า รีบ) เมื่อมีสงครามเกิดขึ้นในเมืองคอยทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากประกอบกับความแห้งแล้งและหิวโหย ผู้คนบางส่วนที่ต้องการความสงบและมีความเป้นอยู่ที่ดีขึ้น จึงได้อพยพจากเมืองคอยไปตั้งถิ่นฐานที่อื่นเป็นจำนวนมาก แต่อีกบางส่วนที่ยังหวงทรัพย์สินไร่นาที่ตัวเองเคยบุกเบิกจึงย้ายไปไมไกลนัก คือออกไปทางทิศตะวันออกของเมืองคอย ไปตั้งถิ่นฐานที่ ดงจะแอ่ง ห่างจากเมืองคอยประมาณ 2-3 กิโลเมตร พร้อมสร้างหมู่บ้านขึ้นใหม่เพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาด้วย จึงได้ตั้งบ้านอยู่ดงจะแอ่งประมาณ 50-70 ปีก็ต้องได้ย้ายหนีจากดงจะแอ่งอีก เนื่องจากเกิดโรค บักห่าง หรือโรคฝีดาษปัจจุบัน ซึ่งทำให้ผู้คนล้มตายอีกไม่น้อย ประกอบกับเกิดฤดูแล้งมีไฟไหม้ป่าและบ้านเรือนทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก จึงได้ย้ายบ้านลงทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของดงจะแอ่น แต่อยู่คนละฟากคลองน้ำกับเมืองคอย ซึ่งแต่เดิมนั้นมีคลองน้ำที่ไหลจากที่อื่นลงมายัง หนองเมืองคอย อันเป็นสายน้ำที่เปรียบเสมือนสายเลือดสำคัญของคนเมืองคอยในสมัยนั้น และในหนองน้ำแห่งนี้จึงมีศาลตั้งอยู่ 2 ศาลในกลางหนองเรียกว่า ศาลสูง และ ศาลต่ำ พร้อมทั้งเสาหลักเมืองด้วย ซึ่งปัจจุบันยังมีเหลืออยู่ ชาวบ้านเรียกว่า ดอนแก้ว และยังเคารพนับถือมาตราบเท่าทุกวันนี้ เมืองคอย พอนานเข้าก็เรียกเพี้ยนมาเป็น เมืองข่อย จนมาเป็น บ้านข่อย ในปัจจุบัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น